Last updated: 11 พ.ค. 2566 | 503 จำนวนผู้เข้าชม |
รวมวิธีรักษาหลุมสิว
หลุมสิว (Atrophic Scars) คืออะไร
แผลที่เกิดหลังจากสิวหาย ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากสิวอักเสบ และทิ้งร่องรอย แผลจะมีลักษณะเป็นหลุมบนในหน้าหดอยู่ใต้ผิว หลุมสิวจะเกิดจากการที่ใต้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนไม่เพียงพอในขณะที่แผลหลุมสิวเริ่มสมาน โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดหลุมสิว อาจเกิดจากการแคะ แกะ เกา หรือบีบสิวผิดวิธี
ลักษณะของหลุมสิว
Rolling
เป็นแผลที่มีความหดตัว กว้าง ซึ่งลักษณะโดยทั่วไปจะมีขอบมนและไม่สม่ำเสมอ เป็นแอ่งลงไปไม่ลึก สามารถรักษาได้ง่ายและหายไว
Box
แผลเป็นเป็นรูปตัว U กว้างและมีขอบของหลุมที่เห็นชัด สามารถเป็นหลุมตื้นหรือลึกก็ได้ ยิ่งหลุมสิวตื้นเท่าไร ก็ยิ่งตอบสนองต่อการรักษาได้ดีเท่านั้น
Ice pick
แผลเป็นรูปตัว V แคบ สามารถลงลึกถึงชั้นผิวได้ เป็นหลุมสิวมีลักษณะเป็นรูกลมหรือวงรีขนาดเล็ก เช่น แผลเป็นอีสุกอีใส รอยแผล Ice Pick นี้เป็นรอยแผลเป็นที่รักษายากที่สุด เนื่องจากสามารถขยายลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังได้และใช้เวลาในการรักษานานที่สุด
การรักษาหลุมสิว
-การใช้ครีมกันแดด (Sunscreen)
แสงแดดสามารถทำให้รอยแผลหลุมสิวเห็นได้ชัด การใช้ครีมกันแดดสามารถช่วยลดความแตกต่างระหว่างผิวที่ไม่มีรอยแผลเป็นและรอยแผลเป็นได้
-การตัดพังผืด (Subcision)
เป็นการรักษาหลุมสิวด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กเลาะพังผืดใต้ชั้นผิวหนังบริเวณหลุมสิวออก ผู้ที่เป็นหลุมสิวขนาดลึก หรือมีหลุมสิวเป็นเวลานาน สามารถใช้การรักษาแบบตัดพังผืดนี้ได้
-การฉีดเมโส (MesoTherapy)
การฉีดเมโสเข้าไปในแผลเป็นที่นูนขึ้นเพื่อช่วยทำให้แผลอ่อนนุ่มและแบนลง ซึ่งมีเมโสหลายชนิดที่ช่วยเรื่องการรักษาหลุมสิว เมโสประเภทที่มีคอลลาเจน สามารถช่วยกระตุ้นให้การสร้างคอลลาเจนใต้ผิวมีประสิทธิภาพและลดการเกิดหลุมสิว
-การใช้เลเซอร์ (Laser)
การรักษาด้วยเลเซอร์ วิธีนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และเห็นผลชัด การเลเซอร์จะช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ลดปัญหารูขุมขนได้ด้วยเทคนิคนี้มีหลังทำจะมีแผลตกสะเก็ด ประมาณ 3-5 วัน หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด หรือความร้อนจัด
-การแต้มกรด (TCA)
จะเป็นการใช้กรด Trichloroacetic Acid แต้มไปที่บริเวณหลุมสิวเพื่อให้หลุมสิวตื้นขึ้น โดยหลังการแต้มกรดจะเกิดเป็นแผลสีน้ำตาลและตกสะเก็ด
-การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
บางครั้งผิวหนังบริเวณรอยแผลเป็นจากสิวอาจเกิดรอยย่น การฉีดโบท็อกซ์จะทำให้ผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ผ่อนคลายลง ซึ่งอาจทำให้แผลเป็นจากสิวดูดีขึ้น
วิธีการป้องกันการเกิดหลุมสิว
1.ไม่แคะ แกะ เกา กด บีบ บริเวณสิวในขณะที่เป็นสิวอยู่
2.ล้างหน้าด้วย คลีนซิ่ง และโฟม สูตรอ่อนโยนต่อผิวและล้ำลึก
3.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิว
4.เนื่องจากหลุมสิว สาเหตุมาจากการเกิดสิว ดังนั้น ควรรักษาสิวอย่างถูกวิธี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Atrophic scars (Acne Scars)
also known as depressed scars, are scars that occur after acne has healed. These scars are usually caused by inflamed acne lesions and can appear as small indentations in the skin. Atrophic scars are a result of inadequate collagen production underneath the skin's surface while the acne wound is healing. Factors that contribute to the formation of atrophic scars can include picking, squeezing, or popping pimples improperly.
Characteristics of Atrophic Scars :
Rolling scars - These scars have a wide, shallow appearance and an irregular, sloping edge. They are easy to treat and heal quickly.
Box scars - These scars are U-shaped and have a well-defined edge. They can be shallow or deep, and the shallower the scar, the better the response to treatment.
Ice pick scars - These scars are V-shaped and narrow, and can penetrate deep into the skin's layers. They are characterized by small, round or oval openings, such as those seen with enlarged pores or the 'pockmarks' of acne. Ice pick scars are the most difficult to treat because they can extend deep into the subcutaneous tissue and require the longest treatment time.
Treatment of Atrophic Scars :
Sunscreen - Sun exposure can make acne scars more visible. The use of sunscreen can help reduce the difference between areas of skin without scars and those with scars.
Subcision - Subcision is a method of treating acne scars by using small needles to break up fibrous bands under the skin in the affected area. This treatment can be effective for people with deep or long-standing acne scars.
MesoTherapy - MesoTherapy involves injecting a solution into the raised area of the scar to make it softer and flatter. There are various types of solutions that can be used for acne scar treatment. Collagen-based solutions can help stimulate collagen production under the skin and reduce the appearance of scars.
Laser Treatment - Laser treatment has become increasingly popular and effective for treating acne scars. It helps to remove old skin cells and stimulate collagen production under the skin. After the treatment, there may be some flaking and peeling for about 3-5 days. Avoid exposure to sunlight or extreme heat.
TCA Spot Treatment - TCA (Trichloroacetic Acid) is used to spot-treat acne scars to make them less noticeable. After treatment, the area may turn brown and flake off.
Botox Injection - Sometimes, acne scars can be accompanied by wrinkles. Botox injections can help relax the skin around the scar, making it look smoother and less noticeable.
How to prevent Atrophic Scars :
1.Do not pick, scratch, squeeze or press the pimples while they are present.
2.Wash your face with gentle and deep cleansing cleanser and foam.
3.Use skincare products that are non-irritating to the skin.
4.Since atrophic scars are caused by the formation of pimples, it is important to treat pimples properly.
2 พ.ค. 2566
12 ก.ย. 2567
11 เม.ย 2566
30 ส.ค. 2567